ผู้ปกครองส่วนใหญ่อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ หรือหลายคนมักรู้สึกว่าตัวเอง “สายเกินไป” สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีพื้นฐานเลยตั้งแต่เด็ก บางคนกลัวผิด กลัวเสียหน้า หรือไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง แต่ความจริงแล้ว การเรียนภาษาอังกฤษ แม้ไม่มีพื้นฐานเลยก็เก่งได้แน่นอน ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่หรือเริ่มจากจุดไหนก็ตาม
บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 12 วิธีง่าย ๆ ที่สามารถเริ่มเรียนภาษาอังกฤษได้ทันที พร้อมเทคนิคการฝึกฝนที่ใช้ได้จริง ไม่ซับซ้อน และที่สำคัญคือไม่ต้องใช้เงินเยอะ คุณจะได้เรียนรู้ว่าทำไมคนไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้ ควรหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดอะไร และใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะเห็นผล
ทำไมคนไม่มีพื้นฐานเรียนภาษาอังกฤษได้
หลายคนเชื่อว่าการเรียนรู้ภาษาอังกฤษต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก ถ้าโตแล้วก็ยากขึ้น แต่นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าผู้ใหญ่มีข้อได้เปรียบในการเรียนภาษาที่เด็กไม่มี นั่นคือ ความสามารถในการวิเคราะห์ การเข้าใจรูปแบบ และการเชื่อมโยงความรู้เดิมกับสิ่งใหม่
มีคนมากมายที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานตอนโตแล้วและประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในอาชีพ หรือคนที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศโดยไม่เคยเรียนมาก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ความมุ่งมั่น วิธีการที่เหมาะสม และความสม่ำเสมอ”
สมองผู้ใหญ่มีความสามารถในการจดจำรูปแบบและเชื่อมโยงข้อมูลได้ดีกว่าเด็ก คุณสามารถเข้าใจโครงสร้างไวยากรณ์ได้ง่ายขึ้น และรู้จักวิธีการเรียนที่เหมาะกับตัวเอง ดังนั้นอย่ากังวลว่าเริ่มสาย แค่เริ่มวันนี้ก็เพียงพอแล้ว
12 วิธีเรียนภาษาอังกฤษสำหรับมือใหม่หัดเริ่มต้น
1. เริ่มจากคำศัพท์ที่ใช้ประจำวัน
การเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน แทนที่จะพยายามท่องศัพท์ยาก ๆ ให้เริ่มจากคำง่าย ๆ ที่คุณเจอทุกวัน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ในบ้าน สี ตัวเลข และคำกริยาพื้นฐาน
เป้าหมายแรกคือจำคำศัพท์ 50-100 คำ โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น อาหาร 10 คำ ครอบครัว 10 คำ งานบ้าน 10 คำ วิธีจำที่ดีคือฝึกเรียนภาษาอังกฤษโดยเขียนคำศัพท์ลงสมุดพร้อมรูปภาพหรือตัวอย่างประโยค แล้วทบทวนทุกวัน
คุณสามารถใช้แอปเช่น Quizlet หรือ Anki เพื่อสร้างการ์ดคำศัพท์ หรือติดโพสต์อิทรอบ ๆ บ้านเพื่อเตือนตัวเอง สิ่งสำคัญคือต้องใช้คำศัพท์เหล่านี้ในประโยคจริง ไม่ใช่แค่จำแบบแยกคำ
2. ดูซีรีส์/หนังพากย์อังกฤษใส่ซับไทย
การเรียนผ่าน entertainment เป็นวิธีที่สนุกและได้ผลดี เพราะคุณจะได้เห็นการใช้ภาษาในบริบทจริง ได้ยินสำเนียงและน้ำเสียง และเรียนรู้วัฒนธรรมไปด้วย เริ่มจากดูซีรีส์ NETFLIX เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เช่น The Signal, Heartbreak High หรือ Good Times
เทคนิคหนึ่งที่เรามักใช้สอนพูดภาษาอังกฤษผ่านซีรีส์คือ เริ่มจากดูด้วยเสียงอังกฤษ / ซับไทยก่อนเพื่อเข้าใจเนื้อเรื่อง จากนั้นดูซ้ำด้วยเสียงอังกฤษ / ซับอังกฤษ แล้วสังเกตว่าสิ่งที่ได้ยินตรงกับที่อ่านหรือไม่ และคุณอาจจดประโยคหรือคำที่ชอบลงสมุดแล้วนำมาฝึกพูดทีหลัง เมื่อชำนาญขึ้น ลองดูโดยไม่ใส่ซับเลย หรือหยุดวิดีโอบ้างเพื่อทบทวนประโยคที่ไม่เข้าใจ
การดูซีรีส์แค่ 15-30 นาทีต่อวันก็สามารถช่วยปรับปรุงทักษะการฟังและการเข้าใจภาษาได้มาก
3. ฟังเพลงสากลและอ่านเนื้อเพลง
เพลงช่วยให้จำภาษาได้ดีเพราะมีจังหวะและทำนองที่ติดหู การฟังเพลงสากลพร้อมกับอ่านเนื้อเพลงจะช่วยให้คุณเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ สำนวน และโครงสร้างประโยคได้อย่างสนุกสนาน เริ่มจากเพลงที่มีเนื้อเพลงง่าย ๆ เช่น ของศิลปิน Ed Sheeran, Taylor Swift หรือ The Beatles
วิธีใช้เพลงเพื่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษคือ ฟังเพลงซ้ำ ๆ พร้อมกับอ่านเนื้อร้อง แล้วพยายามร้องตาม สังเกตการออกเสียงและจังหวะของคำต่าง ๆ คุณสามารถใช้เว็บไซต์ เช่น LingoClip ที่ให้คุณเติมคำในเนื้อเพลงขณะฟัง
เทคนิคนี้ช่วยให้คุณเรียนรู้การออกเสียงและความหมายของคำในบริบทที่สนุก แถมยังจำได้นานกว่าการท่องจากหนังสืออีกด้วย
4. ใช้แอปเรียนภาษา
แอปเรียนภาษาอังกฤษฟรีมีให้เลือกมากมาย เช่น Duolingo, Memrise, Busuu หรือ HelloTalk แอปเหล่านี้เหมาะกับมือใหม่เพราะเริ่มจากระดับพื้นฐาน มีเกมและกิจกรรมที่สนุก และสามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา
ข้อดีของแอปคือมีระบบเตือนให้เรียนทุกวัน มีการติดตามความก้าวหน้า และแบ่งบทเรียนเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ไม่น่ากลัว เทคนิคการใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือตั้งเป้าหมายว่าจะเรียนทุกวันแม้เพียง 10-15 นาที ความสม่ำเสมอสำคัญกว่าความยาวของแต่ละเซสชัน
ข้อจำกัดของแอปเรียนภาษาอังกฤษคือบางครั้งไม่ครอบคลุมทักษะการพูดจริง ดังนั้นควรใช้คู่กับวิธีอื่น ๆ ด้วย เช่น ดูซีรีส์หรือพูดคุยกับเจ้าของภาษา
5. พูดคุยกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ
อย่าประหลาดใจ การพูดคุยกับตัวเองเป็นวิธีสอนภาษาอังกฤษพื้นฐานที่ได้ผลมาก เพราะคุณสามารถฝึกได้ทุกที่โดยไม่ต้องกลัวผิด กลัวเสียหน้า เริ่มจากบรรยายสิ่งที่คุณกำลังทำ เช่น “I’m making coffee” หรือ “I need to go to the supermarket”
ตัวอย่างสถานการณ์ที่ฝึกได้ เช่น เมื่อตื่นนอน ลองพูดว่า “Good morning. Today is a beautiful day” ขณะทำอาหารเย็น ลองบอกตัวเองว่า “I’m cooking dinner” หรือ “I need to chop the vegetables” การพูดซ้ำ ๆ แบบนี้จะทำให้สมองคุ้นเคยกับการใช้ภาษาอังกฤษ
เริ่มจากประโยคง่าย ๆ แค่ 3-5 คำ แล้วค่อย ๆ เพิ่มความซับซ้อน ไม่ต้องกังวลว่าจะผิด เพราะนี่คือการฝึกส่วนตัว ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ ความมั่นใจก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
6. เรียนไวยากรณ์พื้นฐานที่จำเป็น
สำหรับภาษาอังกฤษพื้นฐาน grammar สำคัญแต่ไม่ต้องรู้ทุกอย่างตั้งแต่แรก เริ่มจากหัวข้อที่ใช้บ่อยที่สุด เช่น Present Simple Tense (ปัจจุบันธรรมดา) การใช้ verb “to be” (am, is, are) การสร้างคำถาม และการใช้ prepositions พื้นฐาน
แหล่งเรียนฟรีมีมากมาย เช่น BBC Learning English หรือช่อง YouTube ต่าง ๆ ที่สอนไวยากรณ์แบบง่าย ๆ สิ่งสำคัญคือต้องฝึกใช้ไวยากรณ์ในประโยคจริง ไม่ใช่แค่ท่องกฎ หรือจะลองอ่านข่าวภาษาอังกฤษจากเว็บต่าง ๆ ก็ได้เช่นกัน
หลังจากเรียนไวยากรณ์แต่ละหัวข้อ ให้ลองสร้างประโยค 5-10 ประโยคด้วยตัวเอง แล้วลองนำไปใช้ในการเขียนหรือพูดจริง การฝึกแบบนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและจำได้ดีกว่าการอ่านทฤษฎีอย่างเดียว
7. เขียน Daily Journal เป็นภาษาอังกฤษ
การเขียนบันทึกประจำวันเป็นวิธีอังกฤษพื้นฐานที่ช่วยพัฒนาทักษะการเขียนและความคิดเป็นภาษาอังกฤษ เริ่มจากเขียนแค่ 3-5 ประโยคง่าย ๆ เกี่ยวกับวันของคุณ เช่น “Today I went to work. I had lunch with my friend. I feel happy.”
ตัวอย่างหัวข้อที่เขียนได้ เช่น บอกว่าทำอะไรบ้างในวันนี้ อารมณ์เป็นอย่างไร เรียนรู้อะไรใหม่ หรือมีแผนอะไรสำหรับพรุ่งนี้ ไม่ต้องเขียนให้สมบูรณ์แบบ เน้นที่การฝึกใช้ภาษา
คุณสามารถใช้ tools เช่น Grammarly หรือ LanguageTool เพื่อแก้ไข grammar และเรียนรู้จากข้อผิดพลาด การเขียนสม่ำเสมอแม้แค่วันละ 5 นาทีจะช่วยพัฒนาความคล่องแคล่วในการใช้ภาษาได้อย่างเห็นได้ชัด
8. ติดตามเพจ/ช่อง YouTube สอนภาษาอังกฤษ
มีช่อง YouTube มากมายที่สอนภาษาอังกฤษพื้นฐานโดยเฉพาะสำหรับคนไทย เช่น English with Lucy หรือ Learn English with Papa Teach Me ช่องเหล่านี้สอนแบบง่าย ๆ เข้าใจง่าย และมักมีซับให้อ่านตามด้วย
ช่องสากลที่เหมาะกับมือใหม่ เช่น BBC Learning English, Rachel’s English (สำหรับการออกเสียง) หรือ English Addict with Mr. Duncan วิธีเลือกคอนเทนต์ให้เหมาะกับระดับคือดูว่าคุณเข้าใจประมาณ 70-80% ถ้าเข้าใจน้อยกว่านั้น แสดงว่ายากเกินไป ควรหาง่ายกว่านี้
อย่าลืมจดบันทึกและทบทวนสิ่งที่เรียน แค่การดูคลิปอย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณต้องหยุดวิดีโอบ้างเพื่อจดประโยคที่สำคัญ แล้วลองนำไปใช้ในชีวิตจริง
9. หาเพื่อนฝึกพูดภาษาอังกฤษ
การมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษหรือพาร์ทเนอร์ฝึกพูดจะช่วยเร่งความก้าวหน้า เพราะคุณได้ฝึกการสื่อสารจริง ได้รับ feedback และมีแรงจูงใจในการเรียนต่อเนื่อง มีหลายแพลตฟอร์มที่ช่วยหา language exchange partner เช่น HelloTalk, Tandem หรือ ConversationExchange
ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดไม่เก่ง ทุกคนเริ่มจากจุดเดียวกัน และคนที่อยู่ใน Community เหล่านี้ก็เข้าใจดี พวกเขาพร้อมช่วยเหลือและให้กำลังใจ
10. ทำแบบฝึกหัดและตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม
แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษฟรีหาได้ทั่วไปทั้งออนไลน์และในหนังสือ เว็บไซต์เช่น Perfect English Grammar, EnglishClub หรือ ESL-Lab มีแบบฝึกหัดครบทุกทักษะ การทำแบบฝึกหัดสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและความคล่อง
การตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ สำคัญมากเพราะช่วยให้คุณรู้สึกว่าก้าวหน้าและไม่ท้อแท้ ตัวอย่างเป้าหมายที่เหมาะสม เช่น ทำแบบฝึกหัด Reading ถูกอย่างน้อย 75%
วิธีติดตามความก้าวหน้าคือใช้สมุดหรือแอปเช่น Habitica เพื่อติ๊กถูกทุกครั้งที่ทำสำเร็จ เมื่อถึงเป้าหมายรายสัปดาห์หรือรายเดือน ให้รางวัลตัวเองด้วยสิ่งที่ชอบ เช่น ดูหนังเรื่องโปรด ซื้อของที่อยากได้ หรือพักผ่อนพิเศษ
11. ใช้ Social Media เป็นภาษาอังกฤษ
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่าน Social Media เป็นวิธีที่สนุกและทำได้ง่าย เริ่มจากเปลี่ยนภาษาโทรศัพท์เป็นอังกฤษ คุณจะได้เห็นคำศัพท์ที่ใช้บ่อยทุกวัน เช่น settings, notifications, messages และจะจำได้เองโดยไม่รู้ตัว
ติดตาม influencers หรือ content creators ที่พูดภาษาอังกฤษ เลือกคนที่พูดเรื่องที่คุณสนใจ เช่น อาหาร ท่องเที่ยว fitness หรือเทคโนโลยี อ่านโพสต์สั้น ๆ และดูคอมเมนต์เพื่อเรียนรู้ภาษาที่คนใช้จริง
ลองเริ่ม comment หรือโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษบ้าง แม้แค่ “Nice!” หรือ “I love this!” ก็ถือเป็นการฝึกที่ดีแล้ว การใช้ภาษาในสถานการณ์จริงจะช่วยสร้างความมั่นใจได้มาก
12. อดทนและให้เวลาตัวเอง
การเรียนภาษาอังกฤษจากไม่มีพื้นฐานเลยต้องใช้เวลาและความอดทน ไม่มีใครเก่งขึ้นในชั่วข้ามคืน ภาษาเป็นทักษะที่ต้องสะสมและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นอย่าหวังผลลัพธ์เร็วเกินไปจนเครียดและท้อใจ
อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ทุกคนมีจุดเริ่มต้นและความเร็วในการเรียนรู้ที่ต่างกัน บางคนอาจเก่งด้านฟัง บางคนเก่งด้านอ่าน คุณต้องหาจุดแข็งของตัวเองและพัฒนาไปทีละส่วน
จำไว้ว่าความผิดพลาดคือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ทุกครั้งที่คุณผิดคือโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ Celebrate small wins เช่น วันนี้เข้าใจประโยคในซีรีส์โดยไม่ต้องอ่านซับ หรือใช้คำศัพท์ใหม่ได้ถูกต้องในประโยค ความภาคภูมิใจเล็ก ๆ เหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันให้คุณเดินหน้าต่อไป
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงจากการเรียนภาษาอังกฤษ
1. เรียนไวยากรณ์จนติดกับดัก หลายคนใช้เวลามากเกินไปกับการเรียนไวยากรณ์จนลืมฝึกพูดและฟัง ความจริงแล้วไวยากรณ์เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง การสื่อสารได้ชัดเจนสำคัญกว่าการพูดถูกต้อง 100%
2. กลัวพูดผิดจนไม่กล้าพูด ความกลัวนี้เป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดของผู้เรียน จริง ๆ แล้วเจ้าของภาษาส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจว่าคุณจะผิดหรือเปล่า แค่คุณพยายามสื่อสารก็น่าชื่นชมแล้ว ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ ก็จะเก่งขึ้นเร็วเท่านั้น
3. เรียนแบบไม่สม่ำเสมอ เรียนวันละ 3 ชั่วโมงเฉพาะวันเสาร์จะได้ผลน้อยกว่าเรียนวันละ 15 นาทีทุกวัน ความสม่ำเสมอสำคัญกว่าระยะเวลาในแต่ละครั้ง สมองต้องการการกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอเพื่อจดจำภาษาได้ดี
4. ท่องศัพท์โดยไม่ใช้ในประโยค การจำคำศัพท์แบบแยกคำจะทำให้คุณลืมง่ายและไม่รู้จักใช้จริง ต้องเรียนรู้คำศัพท์ในบริบทและฝึกสร้างประโยคด้วยตัวเอง
เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น การมัวแต่คิดว่าคนอื่นเก่งกว่า เรียนเร็วกว่า จะทำให้คุณเครียดและขาดกำลังใจ แทนที่จะเปรียบเทียบ ให้เปรียบเทียบกับตัวเองในอดีตว่าพัฒนาขึ้นแค่ไหน
เรียนภาษาอังกฤษไม่มีพื้นฐานเลยและฟรีเป็นเรื่องที่ทำได้แน่นอน ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่หรือเริ่มจากศูนย์ก็ตาม ทั้ง 12 วิธีที่แชร์ไปสามารถนำไปใช้ได้ทันที ไม่ซับซ้อน และส่วนใหญ่ไม่ต้องใช้เงิน เริ่มจากคำศัพท์ง่าย ๆ ดูซีรีส์ ฟังเพลง ใช้แอป พูดกับตัวเอง เรียนไวยากรณ์พื้นฐาน เขียน journal ติดตามช่อง YouTube ใช้ Social Media หาเพื่อนฝึกพูด ทำแบบฝึกหัด ตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม และที่สำคัญที่สุดคืออดทน
แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าต้องการคำแนะนำที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้น หรืออยากมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่มีครูคอยช่วยเหลือ EFL Learning Centre เชียงใหม่พร้อมให้บริการหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9001 และการรับรองสากลจากสหราชอาณาจักร เรามีคอร์สสำหรับทุกระดับ ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปจนถึงการเตรียมสอบ IELTS
เริ่มเรียนวันนี้ ไม่มีอะไรสายเกินไป ทุกย่างก้าวเล็ก ๆ จะนำคุณไปสู่เป้าหมายที่อยากเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง เชื่อในตัวเอง มุ่งมั่น และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ สามารถติดต่อเราได้เลย แล้วคุณจะประหลาดใจกับความก้าวหน้าของตัวเอง