ปัจจุบันมีแนวทางวิธีการศึกษามากมายที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ก้าวเดินไปถึงฝัน นอกจากโรงเรียนก็ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน นั่นก็คือ การเรียน Homeschool แต่การจะตัดสินใจออกมาเรียนระบบแบบ Homeschool มักไม่ใช่เรื่องง่าย บทความนี้เราเลยขอพาผู้ปกครองและเด็กๆ ไปทำความรู้จักกับการเรียน Homeschool คืออะไร? และถ้าอยากเรียนหลักสูตร IB ต้องเริ่มอย่างไร?
Homeschool คืออะไร
ปกติแล้วการเรียนการสอนภายในสถาบันการศึกษาจะมีการวางแผนการเรียนการสอนตามหลักสูตร แต่สำหรับการเรียนแบบ Homeschool จะเป็นการเรียนที่มีคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองคอยวางแผนการศึกษา โดยอาศัยจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความสนใจของเด็ก วิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม ฯลฯ เพื่อให้บทเรียนที่เด็กจะได้รับเป็นบทเรียนที่สอดคล้องการพัฒนาตามเส้นทางที่เด็กๆ ต้องการมากที่สุด ไม่ว่าจะเรียนด้วยตัวเอง จ้างครูผู้สอน หรือวางแผนคอร์สเรียนอื่นๆ ก็ตาม
ถามว่า การเรียนการสอนแบบ Homeschool สามารถทำได้ตามกฎหมายหรือไม่ คำตอบคือ เมื่อพิจารณาตามมาตรา 12 พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ จะพบว่า ให้ครอบครัวมีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ให้เป็นไปตามที่กระทรวงศึกษากำหนด เพราะงั้นสามารถให้เด็กไทยเรียนตามแบบ Homeschool ได้เลย เพียงแค่ต้องศึกษาตามที่กระทรวงศึกษากำหนด
ข้อดี-ข้อเสียของการเรียนแบบ Homeschool
ก่อนจะตัดสินใจเลือกการเรียนการสอนแบบ Homeschool ขอเชิญชวนให้พิจารณาข้อดี-ข้อเสียของ Homeschool ได้แก่
ข้อดี:
- ผู้ปกครองสามารถดูแลและเข้ามามีส่วนร่วมวางแผนการศึกษาเด็กๆ ได้อย่างใกล้ชิด
- เพิ่มโอกาสเลือกสิ่งที่เด็กๆ ชอบหรือสนใจให้เป็นแนวทางการศึกษาได้มากกว่าการเรียนตามหลักสูตรตามระบบของสถาบันการศึกษา
- ตัดวิชาที่ไม่จำเป็นตามหลักสูตรที่พบเจอในสถาบันการศึกษาออก ให้เหลือกเพียงวิชาจำเป็น ไม่ต้องแบกรับเนื้อหาไม่จำเป็นออกไป
ข้อเสีย:
- คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่ตัดสินใจเลือก Homeschool ต้องเพิ่มความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะภาระหน้าที่หรือเวลาในการจัดสรรดูแล วางแผน และหน้าที่ต่างๆ ให้ลูกสามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เด็กๆ ที่เรียน Homeschool จะต้องหาวิธีในการพัฒนาทักษะเด็กให้สามารถเข้าสังคมและทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ตามปกติ
ขั้นตอนการจดทะเบียนเรียนแบบ Homeschool
สำหรับครอบครัวใดที่กำลังสนใจเรื่องของการเรียนแบบ Homeschool แล้ววางแพลนจะจดทะเบียนเรียนจริงจังสามารถดำเนินตามขั้นตอนได้ ดังนี้
- ยื่นคำขออนุญาตจัดการศึกษา เช่น อนุบาลและประถมศึกษาต้องยื่นที่สำนักงานเขตการศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตนั้น ส่วนมัธยมศึกษาสามารถยื่นได้ที่สำนักงานเขตการศึกษาและการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาทางไกล
- ระหว่างครอบครัวและสำนักงานเขตการศึกษาจะร่วมกันปรึกษาเพื่อวางแผนการศึกษาให้เหมาะกับเด็กมากที่สุด
- ดำเนินการสอนและจัดให้มีการวัดผล ประเมินผลตามหลักสูตร รวมถึงจะทำรายงานเกี่ยวกับแผนการสอน การประเมินผล และการวัดผลอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อยื่นให้กับสำนักงานเขตการศึกษา
- ให้หลังจากการยื่นรายงานให้กับสำนักงานเขตการศึกษาแล้วอาจมีการวางแผน เพื่อปรับปรุงตามที่สำนักงานเขตการศึกษาแนะนำ
หลักสูตร IB คืออะไร
หลักสูตร IB หรือ International Baccalaureate Programme คือ หลักสูตรการศึกษา เพื่อ บูรณาการที่ถูกนำมาใช้กับการเรียนแบบ Homeschool เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาตามหลักสูตรขั้นพื้นฐานได้ภายใน 156 ประเทศทั่วโลก เนื้อหามีความหลากหลายมากกว่าวิชาตามหลักสูตรทั่วไป สามารถแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มหลักและหกวิชา ดังนี้
- ระดับ IB Primary Years Programme หรือ PYP สำหรับนักเรียนอายุ 3 – 12 ปี
- ระดับ IB Middle Years Programme หรือ MYP สำหรับนักเรียนอายุ 11 – 16 ปี
- ระดับ IB Diploma Programme หรือ IBDP สำหรับนักเรียนอายุ 16 – 19 ปี สำหรับใครที่เรียนแบบ homeschool จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วต้องการไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาจะต้องเลือกระดับนี้
ส่วน 6 กลุ่มวิชาที่ระดับ IBDP ต้องสอบมี ดังนี้
- ภาษาและวรรณกรรม
- ทักษะการใช้ภาษา
- ปัจเจกและสังคม
- วิทยาศาสตร์
- คณิตศาสตร์
- ศิลปะ
หากต้องการเรียนตามหลักสูตร IB ต้องเริ่มอย่างไร
นอกจากเรื่องของวิชาการในส่วนของ 6 วิชาหลักแล้วยังต้องเรียนในส่วนของวิชาที่เด็กๆ สนใจด้วย เพราะหลักสูตร IB ที่เด็กในกลุ่ม Homeschool เลือกศึกษา จะมีการมุ่งเน้นให้เด็กๆ มีความสนใจและความสามารถรอบด้าน หากต้องการเรียนตามหลักสูตร IB จะต้องเริ่ม ดังนี้
- เตรียมความพร้อมวางแผนการศึกษาในวิชาพื้นฐาน 6 กลุ่มหลักที่ได้กล่าวไปในข้างต้น และวิชาที่เด็กๆ สนใจเพิ่มเติม มีอย่างน้อยหนึ่งวิชาจากกลุ่ม 1 ถึง 5 และหนึ่งวิชาจากกลุ่ม 1-4 หรือ 6 และมีอย่างน้อยสามวิชาที่สอบแบบ Higher Level (HL) โดยที่เหลือเป็น Standard Level (SL)
- พัฒนา 3 ทักษะให้ผ่านเงื่อนไขหลัก ได้แก่ 1) Theory of Knowledge (ToK) ฝึกคิดวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ 2) Creativity, Action, Service (CAS) กิจกรรมจิตอาสาและเสริมความคิดสร้างสรรค์นอกโรงเรียน 3) Extended Essay (EE) เขียนเรียงความหัวข้อที่สนใจจำนวน 4,000 คำ หากผ่านไม่ครบทั้ง 3 ข้อจะถือว่า ไม่จบ IBDP แต่ได้รับ IB Certificate
- เตรียมตัวสอบให้พร้อม เนื่องจากการสอบ IB ปีหนึ่งจะจัดสอบเพียง 2 ครั้ง ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ส่วนครั้งที่สองในเดือนพฤศจิกายน หากวิชาไหนสอบไม่ผ่านก็จะสามารถสอบได้ใหม่อีกไม่เกิน 3 ครั้ง นักเรียนที่มีสิทธิสอบ IB คือนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนแบบ IB เท่านั้น
คะแนนการสอบของ IB เป็นอย่างไร
คะแนนเต็มของระบบ IB คือ 45 คะแนน โดยมาจากคะแนนเต็ม 6 กลุ่มวิชา แต่ละกลุ่มวิชามีคะแนนเต็ม 7 คะแนน รวมเป็น 42 คะแนน ส่วนอีก 3 คะแนนมาจากผลงานในส่วน extended essay และ Theory of knowledge เด็กๆ ต้องได้คะแนนอย่างน้อย 24 คะแนนและผ่านการประเมิน Creativity, action, service จึงจะได้ประกาศนียบัตร สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บศูนย์สอบ https://www.ibo.org/
หลักสูตร IB เหมาะกับใคร
สำหรับหลักสูตร IB เหมาะกับ เด็กๆ ทุกคน ไม่เฉพาะกับเด็กที่มีการเรียนแบบ Homeschool โดยเฉพาะนักเรียนที่ต้องการสอบเข้าไปศึกษาต่อภายในระดับมหาวิทยาลัย เนื่องจากมีการสะสมประวัติการทำกิจกรรมจิตอาสาหรือเกี่ยวข้องกับคณะที่ต้องการยื่นแฟ้มผลงาน (Portfolio)
การเรียน Homeschool ไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิด แถมยังมีข้อดีอีกมากมายที่หากผู้ปกครองสามารถจัดสรรได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะช่วยให้เด็กๆ เรียนได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข รวมถึงเพิ่มโอกาสให้เด็กเรียนเฉพาะวิชาจำเป็น มีเวลาได้ออกไปศึกษาและทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมากขึ้น โดยใช้หลักสูตรหรือการสอบเทียบ เช่น IB ฯลฯ มาเป็นเส้นทางไปถึงฝัน
ส่งท้าย
สำหรับผู้ปกครองหรือน้องๆ ท่านใดที่กำลังสนใจเรียน Homeschool ที่ใช้ผลสอบ IB ยื่นเข้ามหาลัยในฝัน ทางสถาบัน EFL Thailand นอกจากจะมีคอร์สเพื่อเพิ่มพูนทักษะภาษาอังกฤษแล้ว เรายังพร้อมช่วยแนะแนวทางวางแผนการศึกษาและเตรียมตัวสอบและเรียนหลักสูตร IB ฟรี สนใจปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก