ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกไปจากเดิม การศึกษาก็ไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในกรอบของห้องเรียนแบบดั้งเดิมอีกต่อไป การเรียนแบบโฮมสคูล (Homeschool) กลายเป็นการศึกษาทางเลือกที่น่าสนใจและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย 

หลายครอบครัวเริ่มตั้งคำถามกับระบบการศึกษาแบบเก่า เมื่อเห็นว่าลูกไม่ได้รับการพัฒนาตามศักยภาพที่แท้จริง บางคนอาจรู้สึกว่าลูกเรียนไม่ทัน ในขณะที่บางคนก็รู้สึกว่าลูกเก่งเกินไปจนไม่มีอะไรท้าทาย หรือบางคนอาจต้องการให้ลูกได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกยุคใหม่ มากกว่าการท่องจำตำราเพียงอย่างเดียว

วันนี้ EFL Learning Centre จะพาคุณมาเจาะลึกทุกเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเรียนแบบ homeschool และข้อมูลที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า homeschool ในไทย เหมาะกับครอบครัวคุณหรือไม่

 

การเรียนแบบ Homeschool คืออะไร?

 

การเรียนที่บ้านหรือโฮมสคูล (homeschool) คือ รูปแบบการศึกษาที่ครอบครัวเลือกให้บุตรหลานเรียนที่บ้านแทนการไปโรงเรียนปกติ ซึ่งผู้ปกครองสามารถกำหนดเป้าหมาย เลือกหลักสูตร สื่อ และวิธีประเมินผลให้สอดคล้องกับธรรมชาติของเด็กแต่ละคนได้ จุดสำคัญคือความยืดหยุ่น โดยเด็กจะได้เรียนในบทเรียนที่เหมาะกับตัวเอง และเชื่อมบทเรียนเข้ากับชีวิตจริงมากขึ้น

หลายคนมักเข้าใจว่าโฮมสคูลคือการเรียนคนเดียว แต่แท้จริงแล้วไม่จำเป็นต้องแยกตัวจากสังคม ครอบครัวสามารถวางตารางให้ลูกเข้าคลาสกลุ่ม คลับ กีฬา แคมป์อาสา หรือทำโปรเจกต์กับเพื่อนต่างวัยได้ นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังสามารถนัดรวมกลุ่มกับครอบครัวที่ทำโฮมสคูลแบบเดียวกันในบางโอกาสได้ด้วย เพื่อให้เด็กได้ฝึกสื่อสาร ทำงานร่วมกัน และรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองควบคู่กับวิชาการ

เสน่ห์ของโฮมสคูลอยู่ที่ความสามารถในการปรับแต่งบทเรียนให้เหมาะกับลักษณะการเรียนรู้ของเด็กได้เป็นรายบุคคล เนื่องจากเด็กที่อ่านเขียนได้เร็วอาจไปไกลในบางวิชา เด็กที่ต้องใช้เวลามากขึ้นก็ไม่ถูกเร่งให้กังวล นอกจากความรู้ เด็กยังได้ทักษะชีวิตที่สำคัญทั้งวินัยในตนเอง การคิดเป็นระบบ และความใฝ่รู้ ซึ่งเป็นพื้นฐานให้เติบโตต่อไปในเส้นทางใดก็ได้ ไม่ว่าจะมุ่งสายศิลป์ สายวิทย์ สายอาชีพ หรือเส้นทางนานาชาติอย่าง IGCSE และ International A-Level ผ่านความร่วมมือกับโรงเรียนออนไลน์ที่มีโครงสร้างชัดเจน

ปัจจุบันการเรียนที่บ้าน หรือ Homeschool ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด-19 ที่ผู้ปกครองหลายท่านได้เห็นข้อดีของการเรียนแบบออนไลน์ ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมต้องจำกัดการศึกษาไว้ในโรงเรียนเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญคือการตัดสินใจเลือกเส้นทางการศึกษาให้ลูกนี้ยังได้รับการรับรองตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งระบุไว้ใน มาตรา 12 ว่าผู้ปกครองสามารถเป็นผู้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้แก่บุตรได้ด้วยตนเองอย่างถูกกฎหมาย ตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่ระดับมหาวิทยาลัยหรืออุดมศึกษา ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้เรียนแบบ Homeschool ได้

 

ใครบ้างที่เหมาะกับการเรียนโฮมสคูล (Homeschool) ?

 

การเรียนแบบโฮมสคูล (Homeschool) เหมาะกับเด็กและครอบครัวที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ โดยสามารถแบ่งกลุ่มที่เหมาะกับการเรียนแบบนี้ได้ ดังนี้

1. เด็กที่มีพรสวรรค์เฉพาะทาง

สำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์สูงหรือมีความสามารถพิเศษ เช่น ด้านดนตรี กีฬา หรือศิลปะ การเรียนแบบโฮมสคูลจะช่วยให้พวกเขามีเวลาในการฝึกฝนและพัฒนาความสามารถของตัวเองได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดเรียนหรือตารางเวลาที่จำกัด

2. เด็กที่ต้องรับผิดชอบงานหรือธุรกิจของครอบครัว

ในบางกรณี เด็กอาจต้องเข้ามาช่วยดูแลธุรกิจหรือทำงานของครอบครัว การเรียนโฮมสคูลจึงเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นและช่วยให้พวกเขาสามารถบริหารจัดการเวลาได้อย่างลงตัวระหว่างการเรียนและการทำงาน

3. เด็กและครอบครัวที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเรียนรู้

เรียนแบบโฮมสคูลเหมาะกับครอบครัวที่ต้องการให้ลูกเรียนรู้ในหลักสูตรที่ตนเองออกแบบได้ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยหลักสูตรของโรงเรียน ผู้ปกครองสามารถปรับเนื้อหาให้เข้ากับความสนใจและความถนัดของเด็กได้ดีที่สุด รวมถึงสามารถจัดการเวลาเรียนและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามความเหมาะสม

4. ครอบครัวที่มีวิถีชีวิตไม่เหมือนใคร

หลักสูตรโฮมสคูลเหมาะกับครอบครัวที่เดินทางบ่อย หรือมีวิถีชีวิตที่ต้องย้ายที่อยู่เป็นประจำ เช่น Digital Nomad หรือ ครอบครัวนักการทูต ซึ่งไม่สามารถให้ลูกเข้าเรียนในโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง การเรียนที่บ้านจะช่วยให้การศึกษาของเด็กไม่สะดุด

5. เด็กที่มีความต้องการพิเศษ หรือมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับระบบโรงเรียนปกติ

โฮมสคูลเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เช่น เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) หรือ เด็กในกลุ่มออทิสติกสเปกตรัม (ASD) ที่อาจต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษและสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นกว่าในโรงเรียนทั่วไป นอกจากนี้ ยังเหมาะกับเด็กที่ประสบปัญหาจากการถูกกลั่นแกล้ง (Bullying) ในโรงเรียน ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่

 

เรียนแบบโฮมสคูล (Homeschool) มีกี่รูปแบบ?

1. โฮมสคูลแบบครอบครัวเดี่ยว (Unschooling)

รูปแบบนี้มุ่งเน้นที่ความต้องการและความสนใจของเด็กเป็นหลัก ผู้ปกครองไม่ได้กำหนดหลักสูตร homeschool ที่ตายตัว แต่จะคอยสังเกตและสนับสนุนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น หากลูกสนใจเรื่องอวกาศ ผู้ปกครองก็จะหาหนังสือ สารคดี หรือพาไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในเรื่องนั้น ๆ

2. โฮมสคูลแบบกลุ่ม (Co-op Homeschooling)

เป็นการผสมผสานระหว่างการเรียนที่บ้านและการเข้าสังคม ผู้ปกครองหลายครอบครัวจะรวมกลุ่มกันเพื่อช่วยสอนในวิชาที่ตัวเองถนัด เช่น ครอบครัวหนึ่งอาจสอนวิชาคณิตศาสตร์ อีกครอบครัวสอนศิลปะ ทำให้เด็กได้เรียนรู้จากผู้ใหญ่หลากหลายคนและได้ทำกิจกรรมกลุ่มกับเพื่อน ๆ อย่างสม่ำเสมอ

 

3. โฮมสคูลแบบรวมศูนย์ (Classical Homeschooling)

รูปแบบนี้จะมีหลักสูตรโฮมสคูลและแนวทางที่ชัดเจน โดยผู้ปกครองจะยึดหลักการเรียนรู้แบบดั้งเดิมที่เน้นการอ่าน การเขียน และการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล มีการกำหนดตารางเรียนที่ค่อนข้างเคร่งครัดและมีการประเมินผลอย่างเป็นระบบ ทำให้เด็กมีพื้นฐานวิชาการที่แข็งแกร่ง

 

4. โฮมสคูลร่วมกับโรงเรียน (Homeschooling with School Support)

ในรูปแบบนี้ ผู้ปกครองจะร่วมมือกับโรงเรียน เพื่อวางแผนการเรียนรู้ให้ลูก ซึ่งโรงเรียนจะเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนด้านทรัพยากรต่าง ๆ เช่น สื่อการเรียนการสอน ห้องสมุด หรือห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ และเด็กยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษหรือการทัศนศึกษากับเพื่อนนักเรียนในโรงเรียนได้ด้วย

 

5. โฮมสคูลแบบออนไลน์ (Online Homeschooling)

เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยผู้ปกครองจะสมัครเรียนหลักสูตรออนไลน์จากสถาบันต่างประเทศ หรือสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านการสอนออนไลน์ เช่น King’s Interhigh โรงเรียนออนไลน์ชั้นนำจากประเทศอังกฤษที่เปิดสอนสำหรับนักเรียนทั่วโลกตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมปลาย นักเรียนจะได้เรียนกับครูที่มีคุณวุฒิและประสบการณ์จากสหราชอาณาจักร ผ่านการเรียนการสอนแบบสด (Live lessons) และมีไฟล์บันทึกการสอนย้อนหลังให้ดูได้ตลอด ซึ่งหลักสูตรของโรงเรียนนี้ได้รับการรับรองจาก Pearson Edexcel และ Cambridge Assessment ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทำให้นักเรียนสามารถสอบเทียบวุฒิการศึกษาอย่าง IGCSE, International A-Level หรือ IB Diploma เพื่อนำไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยทั่วโลกได้ 

 

วิธีเรียนโฮมสคูล (Homeschool) ในประเทศไทยเริ่มต้นอย่างไร?

1. วางแผนและจัดทำแผนการศึกษาของครอบครัว

ก่อนยื่นเอกสารใด ๆ ผู้ปกครองควรวางแผนหลักสูตรร่วมกับลูก โดยระบุสาระสำคัญที่จะเรียนรู้ในแต่ละปี เช่น วิชาที่เรียน, กิจกรรมเสริมทักษะต่างๆ, และวิธีการประเมินผล (แผนการจัดการศึกษาของครอบครัว สามารถปรับใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ได้)

2. ยื่นคำร้องขอจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว

ผู้ปกครองต้องยื่นคำร้องขอจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว พร้อมเอกสารประกอบต่างๆ เช่น แผนการจัดการศึกษา และเอกสารของครอบครัวที่เกี่ยวข้อง โดยยื่นที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สำหรับการศึกษาระดับประถมศึกษา หรือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สำหรับการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ที่เด็กมีภูมิลำเนาอยู่

3. รอการพิจารณาจากคณะกรรมการ

หลังจากยื่นคำร้องแล้ว ทางสำนักงานเขตพื้นที่จะส่งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบและพิจารณาความพร้อมของครอบครัว โดยจะเน้นการพูดคุยถึงแผนการจัดการศึกษา ความเข้าใจของผู้ปกครอง และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ หากผ่านการพิจารณา ครอบครัวจะได้รับอนุมัติให้ทำการศึกษาที่บ้านได้ตามกฎหมาย

4. ดำเนินการสอนและจัดทำรายงานผลการเรียนรู้

เมื่อได้รับอนุมัติ ผู้ปกครองจะทำหน้าที่เป็นครูผู้สอนตามแผนที่วางไว้ในแต่ละปีการศึกษา และต้อง จัดทำรายงานผลการเรียนรู้ประจำปี พร้อมส่งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อประเมินผลและติดตามความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

5. การประเมินผลและอนุมัติเลื่อนชั้น

ในแต่ละปีการศึกษา ทางคณะกรรมการจะเข้ามาประเมินผลการเรียนรู้ของเด็ก หากผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เด็กก็จะได้รับการอนุมัติให้เลื่อนชั้นต่อไปได้ การดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้ทำให้การเรียนโฮมสคูลในประเทศไทยมีความถูกต้องและได้รับการรับรองตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์

 

Homeschooling ไม่ได้ไร้วุฒิ! 

เจาะลึกการขอรับรองและสอบเทียบวุฒิการศึกษา

 

การเรียนโฮมสคูลในประเทศไทยไม่ได้หมายความว่าเด็กจะไม่มีวุฒิการศึกษาตามระบบ แต่เป็นการเปลี่ยนรูปแบบการศึกษาที่สามารถนำไปเทียบวุฒิการศึกษาได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

หลังจากที่ผู้ปกครองทำเรื่องขออนุญาตจัดการศึกษาแบบโฮมสคูลกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเรียบร้อยแล้ว และมีการส่งรายงานผลการเรียนรู้ประจำปี รวมถึงได้รับการประเมินจากคณะกรรมการอย่างต่อเนื่อง เด็กจะได้รับได้รับเอกสารรับรองการสำเร็จการศึกษาที่เทียบเท่ากับวุฒิการศึกษาในโรงเรียนปกติ ซึ่งสามารถใช้ยื่นสมัครเรียนต่อในสถาบันการศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

สำหรับผู้ที่ต้องการให้ลูกสอบเทียบวุฒิการศึกษาต่างประเทศเพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศหรือเรียนในหลักสูตรนานาชาติในไทย ก็สามารถทำได้โดยการเตรียมตัวสอบเทียบวุฒิต่าง ๆ เช่น

IGCSE และ International A-Level: เป็นการสอบเทียบวุฒิของระบบอังกฤษที่นิยมกันทั่วโลก

GED (General Educational Development): ระบบสอบเทียบ GED เป็นของสหรัฐอเมริกาที่เทียบเท่าระดับมัธยมปลาย ซึ่งสามารถนำไปใช้สมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศได้

IB Diploma (International Baccalaureate Diploma Programme): เป็นวุฒิการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก เน้นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และกระบวนการเรียนรู้แบบองค์รวม ทำให้เด็กมีความพร้อมในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเป็นอย่างดี

 

Homeschool Programme: การศึกษาทางเลือกแบบยืดหยุ่น

ที่ EFL Learning Centre พร้อมสนับสนุน

 

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คุณน่าจะเห็นภาพแล้วว่าการเรียนโฮมสคูล ไม่ได้เป็นแค่การเรียนที่บ้าน แต่คือการออกแบบประสบการณ์เรียนรู้ให้ตรงกับจังหวะชีวิต ความสนใจ และเป้าหมายระยะยาวของลูกจริง ๆ จะใช้หลักสูตรโฮมสคูลที่คุณออกแบบเอง ปรับใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือผสมผสานกับหลักสูตร homeschool ของสถาบันต่างประเทศก็ทำได้ ขอเพียงแค่ยืดหยุ่นพอให้เด็กก้าวเร็วในวิชาที่ถนัด และค่อย ๆ ต่อยอดในสิ่งที่ยังต้องการเวลา ที่สำคัญ เส้นทางไปต่อระดับนานาชาติก็เปิดกว้างกว่าเดิม ทั้งสาย IGCSE และ A-Level หรือทางเลือกอย่าง IB Diploma Programme สำหรับครอบครัวที่วางแผนไปมหาวิทยาลัยต่างประเทศ

 

 

หากคุณต้องการเริ่มต้นวางแผนการเรียน homeschool อย่างมั่นใจ EFL Learning Centre คือทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมเดินเคียงข้างผู้ปกครองตั้งแต่วันแรก เราช่วยให้คำปรึกษา รวมถึงดูแลการเตรียมตัวสอบในสายอินเตอร์ได้อย่างรอบด้าน เพราะ EFL เป็นศูนย์สอบ Edexcel IGCSE และ A-Level ในภาคเหนือ ทำให้เราสามารถพาเด็กจากห้องเรียนออนไลน์ไปสู่วุฒิระดับนานาชาติได้อย่างครบวงจร

เมื่อมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ครอบครัวจะมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าการเรียน homeschool จะไม่ใช่แค่การเลือกเรียนที่บ้าน แต่เป็นการสร้างเส้นทางการศึกษาที่มั่นคง พร้อมวางรากฐานสำหรับอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศไทยหรือการศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Skip to content