สายงานต่างๆ ในด้านการแพทย์นั้นเป็นสายงานที่ทั้งเรียนและทำงานค่อนข้างหนัก อีกทั้งยังเป็นสายงานที่ต้องการบุคลากรจำนวนมากอยู่เสมอ โดยเฉพาะในประเทศไทยเองที่ก็ประสบกับปัญหาขาดบุลลากรเช่นเดียวกัน และได้มีการหารือและตั้งเป้าที่จะเพิ่มอัตราส่วนแพทย์ต่อประชากร 1:1,200 คน ภายในปี 2576
แต่แม้ว่าจะต้องเรียนหนักหรือทำงานหนัก เด็กรุ่นใหม่จำนวนมากก็ตั้งเป้าหมายมาดมั่นที่จะเข้าเรียนในสายนี้ และถ้าน้องๆ เป็นหนึ่งคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่อยากจะเรียนหมอแล้วก็ล่ะ คงเคยได้ยินคำว่าสอบ กสพท. กันดี แต่จะไม่ทำความรู้จักกับการสอบ BMAT ไม่ได้นะคะ เพราะ “ข้อสอบ BMAT” เป็น Admission Test อีกแบบหนึ่งที่ใช้ยื่นคะแนนเพื่อเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์, สัตวแพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ได้
BMAT ย่อมาจากภาษาอังกฤษเต็มที่ชื่อว่า The BioMedical Admissions Test (BMAT) ซึ่งก็คือ Admissions Test หรือ ข้อสอบเฉพาะทางเพื่อเข้าศึกษาต่อในคณะแพทย์ศาสตร์ สัตวแพทย์ศาสตร์ ทันตแพทย์ หรือวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วแต่ว่ามหาวิทยาลัยใดเปิดรับในคณะใดบ้าง การสอบ BMAT เพื่อนำคะแนนไปยื่นเพื่อเข้าศึกษาต่อนี้นับเป็นโอกาสอีกช่องทางหนึ่ง สำหรับใครที่อยากเข้าคณะแพทย์ โดยไม่ต้องผ่านการสอบ กสพท.
ข้อสอบ BMAT เป็นข้อสอบที่ใช้เวลาสอบสองชั่วโมง การจัดสอบจัดทำโดย Cambridge Assessment แห่งสหราชอาณาจักร (UK) ซึ่งสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำหลายแห่งในสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ โปร์แลนด์ สเปน มาเลเซีย ฯลฯ เปิดรับคะแนน BMAT เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา สถาบันแต่ละที่ก็จะมีเกณฑ์ในการคัดเลือกและเปิดรับไม่เหมือนกัน
ในหลายปีที่ผ่านมา ในประเทศไทยเริ่มเปิดรับคะแนน BMAT เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในรอบ Portfolio (TCAS1) นับเป็นอีกสนามการแข่งขันนอกเหนือจาก กสพท. และมักเรียกสั้นๆว่าหมอรอบ 1 น้องๆ มัธยมตอนปลายต่างให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม นั่นก็เพราะที่ต้องสอบเพียง 2 วิชาเท่านั้น
“นั่นก็คือ น้องๆ ต้องใช้ข้อสอบ BMAT ควบคู่กับข้อสอบ IELTS ในการยื่นหมอรอบ 1 (รอบ Portfolio)”
ข้อสอบ BMAT ถูกออกแบบมาให้ทำในเวลา 2 ชั่วโมง และถูกแบ่งออกเป็น 3 Parts คือ
ในพาร์ทนี้จะเป็นที่วัดทักษะทั่วไป เช่น ทักษะในการแก้ไขปัญหา หรือทักษะการคิดวิเคราะห์ เป็นข้อสอบปรนัย 32 ข้อ ใช้เวลาทำนาน 60 นาที
โดยจะเป็นข้อสอบ Problem Solving (Aptitude Test) จำนวน 16 ข้อ และเป็นข้อสอบ Critical Thinking (หรือที่เรียกกันว่า Critical Analysis) จำนวน 16 ข้อ
ในพาร์ทนี้จะเป็นข้อสอบที่ครอบคลุมเนื้อหาวิชาการของวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และคณิตศาสตร์ เนื้อหาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นข้อสอบปรนัย 27 ข้อ ใช้เวลาทำนาน 30 นาที
ในพาร์ทนี้จะเป็นข้อสอบวัดความสามารถในการเลือก พัฒนา หรือจัดการความคิด และการสื่อสารความคิดออกมาด้วยการเขียนอย่างกระชับได้จะความ และมีประสิทธิภาพ
เป็นการเขียนตอบคำถาม 1 ข้อ โดยเลือกจาก 3 ข้อที่โจทย์ให้มา ใช้เวลาทำนาน 30 นาที
แต่ละข้อมี 1 คะแนน มีการแบ่งเกณฑ์การให้คะแนนออกเป็นสเกล 1-9 โดยผู้เข้าสอบส่วนใหญ่คะแนนจะอยู่ที่ 5.0 ถึง 6.0
จะมีผู้ตรวจและให้คะแนนสองคน และจะแบ่งการให้คะแนน 2 แบบ 2 ด้าน
ส่วนที่ 1 จะเป็นคะแนนด้านเนื้อหา (สเกล 1-5)
ส่วนที่ 2 จะให้คะแนนด้านการใช้ภาษาอังกฤษ โดยแบ่งเป็นเกณฑ์ (A-E)
Note: โดยส่วนใหญ่คะแนนด้านเนื้อหา เต็ม 5.0 ผู้เข้าสอบมักจะได้คะแนนที่หลากหลายตั้งแต่ 3.0, 3.5, 2.5, 2.0 และ 4.0
สำหรับรอบสอบ BMAT นั้นตามปกติจะเปิด 3 รอบต่อปี โดยน้องสามารถเลือกสอบได้เพียง 1 รอบต่อปีเท่านั้น โดยปกติอยู่ช่วงประมาณ กันยายน ตุลาคม หรือพฤศจิกายน
ทั้งนี้น้องๆ นักเรียนควรตรวจสอบเงื่อนไขของแต่ละคณะก่อนนะคะ ว่าแต่ละคณะของแต่ละมหาวิทยาลันนั้นรับผลคะแนนจากรอบไหน (โดยมากจะรับรอบเดือนกันยายน)
ค่าสอบจะตัดผ่านบัตรเครดิตอยู่ที่ £83 (ข้อมูลปี 2020) หรือที่ประมาณ 3,200 บาทขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน
Note: ถ้าหากว่าสมัครสอบไม่ทันจะมีรอบ Late Registration ซึ่งเก็บเงินค่าธรรมเนียมแพงกว่าค่ะ
ท้ายสุดนี้ อย่าลืมลองแวะดู EFL Learning Centre มีคอร์สสอนภาษาอังกฤษให้เลือกหลากหลายสำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัยเลยค่ะ แน่นอนว่าเรามีติวภาษาอังกฤษสำหรับน้องๆ ที่เตรียมสอบ IELTS และ BMAT ที่ต้องสอบเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ
หากยังไม่มั่นใจว่าน้องๆ ควรจะเลือกคอร์สเรียนภาษาอังกฤษแบบไหนดี เพื่อให้เหมาะกับตัวเราเองมากที่สุด สามารถติดต่อสถาบันได้ตามช่องทางต่างๆ เพื่อปรึกษาวางแผนการเรียนได้ตลอดเวลา เรายินดีพร้อมให้คำปรึกษาและบริการค่ะ
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า